ตลาดเหล็กโลกยังคงผันผวนแต่ดูเหมือนว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากการเจรจาภาษีการค้ารอบแรก "ที่เข้มข้น" กับสหรัฐฯ โดย Rogerio Nogueira รองประธานฝ่ายพาณิชย์และการพัฒนาของบริษัทเหมืองแร่ Vale กล่าวกับนักวิเคราะห์ในการประชุมผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัท
โดย Nogueira กล่าวว่า การเติบโตของ GDP ของจีนในช่วงครึ่งปีแรก ที่มากกว่า 5% พร้อมด้วยข้อเสนอในการสร้างแรงจูงใจเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นเรื่องในเชิงบวก ในปี 2025 การผลิตเหล็กดิบ (Crude steel) ของจีน ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผย เป็นไปตามโครงการปรับปรุงกำลังการผลิต
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการลดลงส่วนใหญ่มาจากการผลิตแบบเตาอาร์คไฟฟ้า (electric arc furnaces) เนื่องจากการผลิตเหล็กดิบจากเตา blast furnaces ของจีน ลดลงเพียง 0.8% ซึ่งถือเป็นผลดีต่อแร่เหล็กและต่อบริษัท Vale เขากล่าว
“กระบวนการผลิตด้วยเตา blast มีการแข่งขันสูงกว่าการผลิตด้วยเตา EAF เมื่อพิจารณาถึงความต้องการแร่เหล็กในตลาดทางทะเล (seaborne iron ore)” Nogueira กล่าว “โรงงานเหล็ก[ของจีน] ที่น่าจะมีอัตรากำไรที่สูงขึ้น จำเป็นต้องมีผลผลิตที่มากขึ้นและมีแร่ที่มีคุณภาพสูงขึ้น”
เขากล่าวว่า การนำเข้าแร่เหล็กของจีนยังคงมีเสถียรภาพ เช่นเดียวกับสินค้าคงคลังที่ท่าเรือประมาณ 140 ล้านตัน โดยหากไม่รวมจีน ภาคอุตสาหกรรมเหล็กอาจมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าภายในจีน เขากล่าว
การส่งออกเหล็กของจีนซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ล้านตันในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตเหล็กดิบที่อยู่นอกประเทศจีน Nogueira กล่าว แสงสว่างประการหนึ่งสำหรับ Vale ก็คือ อินเดียซึ่งมีการผลิตเหล็กดิบเพิ่มขึ้นมากกว่า 9% ในปี 2025 ซึ่งกำลังเปิดรับการนำเข้าแร่เหล็กคุณภาพสูง และบริษัทน่าจะส่งออกแร่เหล็กมากกว่า 10 ล้านตันไปยังอินเดียในปี 2025 เขากล่าว
“แนวโน้มนี้น่าจะเติบโตขึ้นในปีต่อๆ ไป เมื่อเราร่วมมือกับผู้เล่นบางรายของจีน” Nogueira กล่าว “โดยรวมแล้ว ตลาดแร่เหล็กโลกยังมีความสมดุล”
— S&P Global Commodity Insights